วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของผลประกอบการปอร์เช่ เอจี ปี 2011

ปอร์เช่ เอจี สรุปผลตัวเลขปี 2011 แล้วด้วยยอดขาย ผลประกอบการ และกำไรจากการดำเนินงานที่สูง จนถือได้ว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับปอร์เช่อีกครั้ง ซึ่งปอร์เช่โรงงานผลิตรถสปอร์ตนี้ได้เติบโตอย่างต่อเนื่องเพราะการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพชั้นดีเยี่ยมออกมาตลอดเวลาและการดำเนินงานที่เป็นระบบบนเป้าหมาย “Strategy 2018” อีกด้วย

ยอดขายของปอร์เช่เติบโตขึ้นถึง 21% ด้วยยอดขายถึง 116,978 คันทั่วโลกในปีที่ผ่านมา ผลประกอบการสูงถึง 10.9 พันล้านยูโรซึ่งถือได้ว่าเพิ่มมากขึ้น 18% หากเทียบกับปี 2010 ผลกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 2.05 พันล้านยูโรซึ่งมากกว่าปี 2010 ที่ทำได้ 1.67 พันล้านยูโร ซึ่งหมายถึงผลกำไรจากการดำเนินงานที่สูงกว่าเดิมถึง 22% และมีผลตอบแทนจากการขายที่สูงขึ้น 18.7% และหากเทียบกับปีก่อนหน้าจะพบว่าโรงงานรถสปอร์ตอย่างปอร์เช่นี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยงบกระแสเงินสดที่สูงขึ้น 17% โดยเพิ่มขึ้นถึง 2.4 พันล้านยูโรเลยทีเดียว
Matthias Müller ประธานบริหารและผู้บริหารระดับสูงกล่าวว่า “ปี 2011 สำหรับปอร์เช่แล้วคือปีที่ประสบความสำเร็จทางด้านการเงินมากที่สุด และต้องจารึกไว้เป็นบันทึกหน้าใหม่ของบริษัทเลยทีเดียว ความสำเร็จนี้ไม่ใช่แค่เพียงยอดขายที่ล้นหลาม ยังรวมถึงผลประกอบการและกำไรจากการดำเนินงานด้วยเช่นเดียวกัน” Matthias Müller ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “เราได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถสปอร์ตด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จากแบรนด์ของเราที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้สร้างความชื่นชอบให้แก่ลูกค้าของเราทั่วโลก และด้วยยอดของความต้องการที่สูงในปีที่ผ่านมาทำให้โรงงานผลิตรถของเรานั้นกำไรมากที่สุดในโลกอีกด้วย”

Lutz Meschke ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายการเงินจากปอร์เช่ เอจีได้เน้นย้ำให้เห็นถึงสิ่งที่โรงงานผลิตรถสปอร์ตที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพนี้ไว้ว่า “ปอร์เช่สามารถเพิ่มผลตอบแทนจากยอดขายและกระแสเงินสดในปี 2011 อีกครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้นี้ทำให้เรามองเห็นทางสำหรับกลยุทธ์การสร้างความเติบโต และงานที่สำคัญอีกหนึ่งงานของกลยุทธ์ปี 2018 ของเราคือการขจัดหนี้สินภาระต่างๆ ของธุรกิจให้หมดไป เพื่อการวางแผนการเจริญเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืนของเรา”

ปอร์เช่ได้ตั้งเป้าทางธุรกิจไว้ซึ่งเรียกว่า “Strategy 2018” ที่ต้องมีผลตอบแทนทางการขายอย่างน้อย 15% และทำให้ปอร์เช่เป็นโรงงานผลิตรถที่มีกำไรมากที่สุด ปอร์เช่สร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้าเสมอด้วยสินค้าที่ดีเยี่ยม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และให้ประสบการณ์ที่ดีสำหรับการเป็นเจ้าของ ที่สำคัญปอร์เช่มีพนักงานที่เป็นเลิศ และมีคู่ค้าทางธุรกิจที่มั่นคงนั่นเอง ปอร์เช่หมายมั่นว่าภายในปี 2018 ปอร์เช่ต้องสามารถสร้างยอดขายได้เกิน 200,000 คัน และเพื่อให้เป้าหมายนี่ประสบผลสำเร็จ ปอร์เช่จึงลงทุนและสร้างรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น และสำหรับปี 2012 จะได้พบกับบ็อกซเตอร์ (Boxster) ใหม่ล่าสุดและเคย์แมน (Cayman) ใหม่ล่าสุดเช่นกัน และยังมีการแนะนำให้รู้จักกับรถสปอร์ตอเนกประสงค์น้องใหม่อย่างมาคันร์ (Macan) ที่จะทำการผลิตที่โรงงานไลพ์ซิกด้วยเช่นกัน
ปีที่ผ่านมาปอร์เช่ของเราสามารถส่งมอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera), บ็อกซเตอร์ (Boxster), เคย์แมน (Cayman), คาเยนน์ (Cayenne) และพานาเมร่า (Panamera) ไปได้ถึง 118,868 คัน หากเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าจะพบว่ามีการเจริญเติบโตถึง 22% เนื่องจากความต้องการที่ล้นหลามในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และแน่นอนในตลาดของเยอรมนีเอง ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว ปอร์เช่ผลิตรถยนต์ได้มากถึง 127,793 คัน ถือได้ว่าเป็นกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นถึง 34% หากเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เพียงแค่โรงงานผลิตที่ไลพ์ซิกอย่างเดียวที่ทำการผลิตรุ่นพานาเมร่า (Panamera) รถสปอร์ตซาลูนและคาเยนน์ (Cayenne) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ สามารถผลิตรถได้เพิ่มมากขึ้นกว่าครึ่ง หากเทียบกับปีก่อนหน้าและ ปอร์เช่ยังเพิ่มกำลังการผลิตโดยการเปิดสายการผลิตที่ 3 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2012 เป็นต้นไปเพื่อการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

การเจริญเติบโตของยอดขายทำให้ปอร์เช่สามารถสร้างงานได้มากขึ้น พนักงานของปอร์เช่ในปัจจุบัน (นับจากวันที่ 31 ธันวาคม 2011) สูงถึง 15,307 อัตรา ถือได้ว่ามากกว่าปี 2010 ถึง 16% และยังมีแผนที่จะเพิ่มกำลังคนให้ถึง 20,000 อัตราภายในปี 2018 อีกด้วย ซึ่งปอร์เช่ เอจี ได้ยึดหลักปีธุรกิจตามหลักปฎิทิน

ที่มา : Porsche

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น