วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

Virgin Oceanic ความท้ายทายครั้งใหม่กับโลกใต้ทะเล


เวอร์จิ้นกรุ๊ปกับความพยายามครั้งใหม่ที่ท้าทายไม่แพ้การเดินทางไปอวกาศ โดยโครงการใหม่ล่าสุดเป็นการสำรวจลงไปใต้มหาสมุทรลึกที่สุดของโลก 5 แห่ง

ริชาร์ด แบรนสันเจ้าของเวอร์จิ้นกรุ๊ป มหาเศรษฐีชาวอังกฤษ กับโครงการใหม่ในการสำรวจใต้มหาสมุทร หลังจากประสบความสำเร็จมาแล้วกับสายการบินเวอร์จิ้นแอตแลนติก และการเดินทางท่องเที่ยวในอวกาศในโครงการเวอร์จิ้นกาแล็กติก


สำหรับโครงการใหม่จะเป็นการสำรวจใต้มหาสมุทรในชื่อ เวอร์จิ้นโอเชี่ยนนิก ซึ่งเป็นการสำรวจร่องน้ำลึกใต้มหาสมุทรที่ลึกที่สุดในโลกที่มีอยู่ 5 แห่งภายใน 2 ปีข้างหน้านี้ โดยใช้เรือดำน้ำขนาด 5.5 เมตร ที่สร้างขึ้นมาเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ การสำรวจนี้จะมีขึ้นที่ร่องน้ำมาเรียน่า ซึ่งอยู่ใกล้กับประเทศฟิลิปปินส์, ร่องน้ำเปอโตริโกในมหาสมุทรแอตแลนติก, ร่องน้ำมอลลอยดีพ ในมหาสมุทรอาร์คติก และร่องน้ำเซ้าท์แซนด์วิช ในมหาสมุทรอินเดีย

การลงไปสำรวจในครั้งนี้แบรนสันจะร่วมเดินทางไปด้วย พร้อมกับมีทีมงานถ่ายทำสารคดีของบีบีซี ซึ่งจะนำข้อมูลและภาพความละเอียดสูงสำหรับการผลิตสารคดีเพื่อออกเผยแพร่ให้กับผู้ชมทั่วโลก และในอนาคตอาจทำเป็นธุรกิจท่องเที่ยวให้กับผู้ที่สนใจเที่ยวชมโลกใต้ทะเลลึกอีกด้วย

ที่มา : Virgin Oceanic

Goodyear พัฒนายางใหม่ในการสำรวจอวกาศ

กู๊ดเยียร์แสดงผลงานในการพัฒนายางรุ่นใหม่เรียกว่า 'Spring Tire' เพื่อการใช้งานที่ทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงบนดวงจันทร์หรือบนพื้นที่โหดร้ายที่สุดบนโลก

ยางรุ่นใหม่เป็นพัฒนาร่วมกับระหว่างกู๊ดเยียร์และนาซ่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงแนวคิดของยางในอนาคตที่สามารถนำไปใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้งานปกติ ยางชนิดใหม่นี้ออกแบบให้สามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้นและเดินทางได้ไกลขึ้นกว่ายางแบบเดิมที่เคยใช้กับยาน Apollo Lunar Roving Vehicle หรือ LRV ซึ่งกู๊ดเยียร์ได้ช่วยในการออกแบบและผลิตในปี 1971 ยางชนิดใหม่ที่ไม่มีลมยางนี้อาจทำให้เกิดการสำรวจดวงจันทร์ในวงกว้างมากขึ้นและอาจจะช่วยให้ยานพาหนะสามารถเดินทางสำรวจไปยังสถานที่ในโลกที่ยังไม่เคยมียางชนิดใดสามารถผ่านไปได้

ยางชนิดใหม่มีความคงทนและมีประสิทธิภาพสูง โดยการออกแบบสปริงให้ทนแรงได้สูง พลังงานทั้งหมดที่ทำให้ยางเสียรูปทรงจะถูกส่งกลับมาเมื่อสปริงคืนตัวและจะไม่มีความร้อนแบบยางที่ใช้ลม และยางที่ใช้ลมเมื่อมีการกระแทกอย่างหนักอาจทำให้ยางรั่วได้ รวมทั้งยางแบบใช้ลมยังมีประโยชน์น้อยบนดวงจันทร์ เนื่องจากอุณหภูมิที่ร้อนและเย็นรวมทั้งรังสีจากดวงอาทิตย์ที่ไม่มีการกรองจะทำให้ยางเสื่อมได้ง่าย

ที่มา : Goodyear

Bimota DB10 Bimotard and DB9 Brivido

บิโมต้านำสองรุ่นใหม่ออกมาแสดงตัวหลังจากที่ห่างหายไปนานและทั้งสองรุ่นนี้ยังไม่มีการกำหนดราคารวมทั้งช่วงเวลาที่จะจำหน่าย ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไป

ในรุ่น DB10 Bimotard ใช้เครื่องยนต์แบบวี-ทวิน ขนาด 1,078 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยอากาศ มีกำลัง 98 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที ใช้เฟรมแบบนั่งร้านผสมกับชิ้นส่วนอะลูมิเนียม ใช้ชอคอับหน้าขนาด 50 มม.ของ Marzocchi ระบบเบรกคุณภาพสูงด้วยคาลิเปอร์แบบ 4 ลูกสูบจากเบรมโบ้และจานดิสก์ขนาด 320 มม.

ส่วนในรุ่น DB9 Brivido ใช้เครื่องยนต์วี-ทวินขนาด 1,198 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีกำลัง 162 แรงม้า ที่ 9,500 รอบต่อนาที ใช้ชอคอับหน้าขนาด 43 มม.ของ Marzocchi และเบรกจากเบรมโบ้



ที่มา : Bimota


2012 Moto Guzzi V7

โมเดล V7 เป็นสไตล์คลาสสิกและใช้เครื่องยนต์ที่ดูโบราณแบบวี-ทวิน ระบายความด้วยอากาศ มีความจุกระบอกสูบ 750 ซีซี. แต่ให้สมรรถนะที่ดี สำหรับโมเดลปี 2012 ทางเพียตจิโอ้ได้เพิ่มสมรรถนะให้กับรุ่นนี้ด้วยการออกแบบเครื่องยนต์ใหม่ โดยเพิ่มแรงอัด, ปรับปรุงระบบหัวฉีดและระบบควบคุมเครื่องยนต์ นอกจากนี้เครื่องยนต์ยังมีการปรับชิ้นส่วนใหม่หรือแม้กระทั่งออกแบบใหม่อีกกว่า 70% ของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ทั้งหมด

ผลของการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ในครั้งนี้ทำให้ได้แรงม้าเพิ่มขึ้นอีก 12% (อยู่ที่ 51 แรงม้า) และแรงบิดเพิ่มขึ้นอีก 10% (อยู่ที่ 43 ฟุต-ปอนด์) รวมทั้งยังมีการปรับปรุงที่สำคัญในการลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการลดค่าไอเสียให้ต่ำลง
ที่มา : Moto Guzzi

2012 Honda NC700X

ฮอนด้าอเมริกานำรุ่น NC700X ออกโชว์ตัวในงานที่นิวยอร์คและยังเป็นครั้งแรกที่รุ่นนี้มีการออกแบบสำหรับตลาดสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะและมีกำหนดขึ้นโชว์รูมในช่วงไตรมาสที่สองนี้

ในรุ่น NC700X เป็นหนึ่งในสามรุ่นของ NC700 ซึ่งเพิ่งออกโชว์ตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้วในงาน EICMA Bike Show เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ทั้งสามรุ่นใช้เครื่องยนต์ที่พัฒนาใหม่เป็นแบบ 2 สูบเรียง SOHC 8 วาล์ว มีความจุกระบอกสูบ 670 ซีซี. ระบายความร้อนด้วยน้ำ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI และมีชุดเพลาบาล้านช์เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานนิ่มนวล
การส่งกำลังของรุ่น NC700 ใช้เทคโนโลยี DCT หรือ Dual Clutch Transmission ซึ่งได้นำมาใช้เป็นครั้งแรกก่อนหน้านี้ในปี 2010 ในรุ่น VFR1200F โดยระบบ DCT ที่ใช้อยู่ในรุ่น NC700 จะมีการทำงานแบ่งเป็น 3 โหมดคือ sporty S และ standard D ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติและโหมด MT สำหรับผู้ที่ต้องการชิฟท์เกียร์เองโดยผ่านสวิทช์กดปุ่ม นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่ใช้เกียร์ 6 สปีดให้เลือกอีกด้วย

เฟรมแบบ “diamond-shape” ทำจากเหล็กให้ความแข็งแรงสูง ชอคอับหน้าใช้ขนาด 41 มม. ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Pro-Link และมีออพชั่นสำหรับปรับช่วงล่างด้านหลังให้มีระยะยุบตัวเพิ่มขึ้นกว่าปกติได้ ส่วนการขับเคลื่อนที่ล้อหลังใช้โซ่และใช้ล้อขนาด 17 นิ้ว ทางด้านระบบเบรกวางใจกับของนิสซินกับดิสก์จานเดี่ยวที่ด้านหน้าขนาด 320 มม.และดิสก์หลังขนาด 240 มม. พร้อมกับมีออพชั่นด้วยระบบเบรก C-ABS

ถังน้ำมันขนาดใหญ่สามารถเดินทางได้เป็นระยะทางราว 385 กม. และเพื่อตอบสนองนักเดินทางฮอนด้ายังมีกล่องเก็บของด้านท้าย โดยกล่องตรงกลางมีความจุ 45 ลิตรและด้านข้างมีความจุ 29 ลิตร พร้อมด้วยการ์ดกันกระแทกบริเวณเครื่องยนต์, ไฟตัดหมอกแบบ LED, ปลอกแฮนด์ทำความร้อน, จุดต่อไฟ 12 โวลต์และขาตั้งกลาง

สำหรับในประเทศไทยทางผู้จำหน่ายคือ เอ.พี.ฮอนด้า ตั้งราคาเอาไว้ที่ 451,000 บาท


 
Resources : Honda
Video : 

ทีม Motul Honda แนะนำตัวแข่งเอนดูร้านช์

ทีม Honda TT Legends ได้มีการลงนามกับ Motul บริษัทในฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่นชั้นนำของยุโรป โดยทาง Motul จะให้การสนับสนุนทีมแข่ง Honda TT Legends สำหรับการลงแข่งขันในรายการ World Endurance Championship

2012 Aprilia RSV4 WSBK ตัวแข่งซูเปอร์ไบค์ปีนี้

เอพริเลียแนะนำตัวแข่งซูเปอร์ไบค์สำหรับฤดูกาลปี 2012 พร้อมด้วยนักแข่งในทีมอีก 2 คนคือ Maxi Biaggi เจ้าของแชมป์โลกซูเปอร์ไบค์ในปี 2010 และเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาได้อันดับที่ 3 ส่วนอีกคนคือ Eugene Laverty

Biaggi ได้ให้ความเห็นว่า ตัวแข่งซูเปอร์ไบค์ RSV4 กับเขาไปกันได้ดีและรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่คู่แข่งทั้งดูคาตี้และฮอนด้าจะเป็นคู่แข่งที่ยากพอสมควร รวมทั้งบีเอ็มดับเบิลยูและคาวาซากิด้วย แต่เขาก็จะไม่ประมาท ส่วน Laverty กล่าวว่าซูเปอร์ไบค์คันนี้มีสมรรถนะสูง ซึ่งเรากำลังพูดถึงกำลังกว่า 200 แรงม้าและต้องใช้ความสามารถในการขับขี่สูงสุด และถ้าทุกอย่างราบรื่นผมคิดว่าปีนี้จะสร้างความพึงพอใจที่ดี แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไปสำหรับการคาดการณ์

ตัวแข่งซูเปอร์ไบค์ Aprilia RSV4 ใช้เครื่องยนต์ V-4 สูบ DOHC 4 จังหวะ 16 วาล์ว มีความจุกระบอกสูบ 999 ซีซี. ให้กำลังได้สูงสุด 220 แรงม้า และมีรอบสูงสุด 15,000 รอบต่อนาที

ที่มา : Aprilia

ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของผลประกอบการปอร์เช่ เอจี ปี 2011

ปอร์เช่ เอจี สรุปผลตัวเลขปี 2011 แล้วด้วยยอดขาย ผลประกอบการ และกำไรจากการดำเนินงานที่สูง จนถือได้ว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับปอร์เช่อีกครั้ง ซึ่งปอร์เช่โรงงานผลิตรถสปอร์ตนี้ได้เติบโตอย่างต่อเนื่องเพราะการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพชั้นดีเยี่ยมออกมาตลอดเวลาและการดำเนินงานที่เป็นระบบบนเป้าหมาย “Strategy 2018” อีกด้วย

ยอดขายของปอร์เช่เติบโตขึ้นถึง 21% ด้วยยอดขายถึง 116,978 คันทั่วโลกในปีที่ผ่านมา ผลประกอบการสูงถึง 10.9 พันล้านยูโรซึ่งถือได้ว่าเพิ่มมากขึ้น 18% หากเทียบกับปี 2010 ผลกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 2.05 พันล้านยูโรซึ่งมากกว่าปี 2010 ที่ทำได้ 1.67 พันล้านยูโร ซึ่งหมายถึงผลกำไรจากการดำเนินงานที่สูงกว่าเดิมถึง 22% และมีผลตอบแทนจากการขายที่สูงขึ้น 18.7% และหากเทียบกับปีก่อนหน้าจะพบว่าโรงงานรถสปอร์ตอย่างปอร์เช่นี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยงบกระแสเงินสดที่สูงขึ้น 17% โดยเพิ่มขึ้นถึง 2.4 พันล้านยูโรเลยทีเดียว
Matthias Müller ประธานบริหารและผู้บริหารระดับสูงกล่าวว่า “ปี 2011 สำหรับปอร์เช่แล้วคือปีที่ประสบความสำเร็จทางด้านการเงินมากที่สุด และต้องจารึกไว้เป็นบันทึกหน้าใหม่ของบริษัทเลยทีเดียว ความสำเร็จนี้ไม่ใช่แค่เพียงยอดขายที่ล้นหลาม ยังรวมถึงผลประกอบการและกำไรจากการดำเนินงานด้วยเช่นเดียวกัน” Matthias Müller ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “เราได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถสปอร์ตด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จากแบรนด์ของเราที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้สร้างความชื่นชอบให้แก่ลูกค้าของเราทั่วโลก และด้วยยอดของความต้องการที่สูงในปีที่ผ่านมาทำให้โรงงานผลิตรถของเรานั้นกำไรมากที่สุดในโลกอีกด้วย”

Lutz Meschke ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายการเงินจากปอร์เช่ เอจีได้เน้นย้ำให้เห็นถึงสิ่งที่โรงงานผลิตรถสปอร์ตที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพนี้ไว้ว่า “ปอร์เช่สามารถเพิ่มผลตอบแทนจากยอดขายและกระแสเงินสดในปี 2011 อีกครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้นี้ทำให้เรามองเห็นทางสำหรับกลยุทธ์การสร้างความเติบโต และงานที่สำคัญอีกหนึ่งงานของกลยุทธ์ปี 2018 ของเราคือการขจัดหนี้สินภาระต่างๆ ของธุรกิจให้หมดไป เพื่อการวางแผนการเจริญเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืนของเรา”

ปอร์เช่ได้ตั้งเป้าทางธุรกิจไว้ซึ่งเรียกว่า “Strategy 2018” ที่ต้องมีผลตอบแทนทางการขายอย่างน้อย 15% และทำให้ปอร์เช่เป็นโรงงานผลิตรถที่มีกำไรมากที่สุด ปอร์เช่สร้างความตื่นเต้นให้ลูกค้าเสมอด้วยสินค้าที่ดีเยี่ยม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และให้ประสบการณ์ที่ดีสำหรับการเป็นเจ้าของ ที่สำคัญปอร์เช่มีพนักงานที่เป็นเลิศ และมีคู่ค้าทางธุรกิจที่มั่นคงนั่นเอง ปอร์เช่หมายมั่นว่าภายในปี 2018 ปอร์เช่ต้องสามารถสร้างยอดขายได้เกิน 200,000 คัน และเพื่อให้เป้าหมายนี่ประสบผลสำเร็จ ปอร์เช่จึงลงทุนและสร้างรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น และสำหรับปี 2012 จะได้พบกับบ็อกซเตอร์ (Boxster) ใหม่ล่าสุดและเคย์แมน (Cayman) ใหม่ล่าสุดเช่นกัน และยังมีการแนะนำให้รู้จักกับรถสปอร์ตอเนกประสงค์น้องใหม่อย่างมาคันร์ (Macan) ที่จะทำการผลิตที่โรงงานไลพ์ซิกด้วยเช่นกัน
ปีที่ผ่านมาปอร์เช่ของเราสามารถส่งมอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ 911 คาร์เรร่า (911 Carrera), บ็อกซเตอร์ (Boxster), เคย์แมน (Cayman), คาเยนน์ (Cayenne) และพานาเมร่า (Panamera) ไปได้ถึง 118,868 คัน หากเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าจะพบว่ามีการเจริญเติบโตถึง 22% เนื่องจากความต้องการที่ล้นหลามในประเทศจีน สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และแน่นอนในตลาดของเยอรมนีเอง ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว ปอร์เช่ผลิตรถยนต์ได้มากถึง 127,793 คัน ถือได้ว่าเป็นกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นถึง 34% หากเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เพียงแค่โรงงานผลิตที่ไลพ์ซิกอย่างเดียวที่ทำการผลิตรุ่นพานาเมร่า (Panamera) รถสปอร์ตซาลูนและคาเยนน์ (Cayenne) รถสปอร์ตอเนกประสงค์ สามารถผลิตรถได้เพิ่มมากขึ้นกว่าครึ่ง หากเทียบกับปีก่อนหน้าและ ปอร์เช่ยังเพิ่มกำลังการผลิตโดยการเปิดสายการผลิตที่ 3 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2012 เป็นต้นไปเพื่อการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

การเจริญเติบโตของยอดขายทำให้ปอร์เช่สามารถสร้างงานได้มากขึ้น พนักงานของปอร์เช่ในปัจจุบัน (นับจากวันที่ 31 ธันวาคม 2011) สูงถึง 15,307 อัตรา ถือได้ว่ามากกว่าปี 2010 ถึง 16% และยังมีแผนที่จะเพิ่มกำลังคนให้ถึง 20,000 อัตราภายในปี 2018 อีกด้วย ซึ่งปอร์เช่ เอจี ได้ยึดหลักปีธุรกิจตามหลักปฎิทิน

ที่มา : Porsche

วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

ดูคาตี้อเมริกาเหนือเติบโตขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา

ตลาดของดูคาตี้ในอเมริกาเหนือเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกันและเมื่อปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโตร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับปี 2010 ซึ่งตัวเลขนี้ได้รวมในทุกพื้นที่ทั้งสหรัฐฯ, แคนาดาและเม็กซิโก รวมถึงในส่วนของอุปกรณ์ตกแต่งและเครื่องแต่งกายมีอัตราเติบโตถึงร้อยละ 50

การเติบโตของดูคาตี้ที่เพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากการขยายไลน์ของผลิตภัณฑ์ช่วยให้ได้กลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้นเช่น รุ่น Diavel และ Multistrada ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีและในรุ่น Diavel ได้รับการโหวตจากนิตยสารมอเตอร์ไซค์หลายฉบับให้ได้รางวัล Best Cruiser of 2011 ซึ่งเป้าหมายของรุ่นนี้เพื่อดึงดูดลูกค้าในกลุ่มใหม่ ส่วนรุ่น Multistrada ได้รางวัล Best Open Street Bike จากนิตยสารไซเคิลเวิลด์ในสหรัฐฯถึง 2 ปีติดต่อกัน

การเจริญเติบโตในตลาดอเมริกาเหนือเป็นความสำคัญสูงสุดสำหรับดูคาตี้ และการที่ตลาดของดูคาตี้เติบโตอย่างมากในอเมริกาเหนือยังมีนัยสำคัญในการส่งผลถึงความสำเร็จของดูคาตี้ทั่วโลกในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต้องถูกบันทึกไว้ทั้งในแง่ของยอดขายทั่วโลก, ส่วนแบ่งการตลาดและการทำกำไร รวมทั้งในปีนี้ดูคาตี้ยังได้ลงทุนอย่างมากทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่, บุคลากรที่สำคัญและความแข็งแกร่งในเครือข่ายจัดจำหน่าย เช่น ในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่ปีนี้มีซูเปอร์ไบค์รุ่น 1199 Panigale ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ดูคาตี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ที่มา : Ducati

สถิติการจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ในยุโรปปีที่ผ่านมา

สมาคมผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ของยุโรปหรือ Association of European Motorcycle Manufacturers (ACEM) ได้รายงานยอดจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์และพาหนะสองล้ออื่นๆ เช่น สกู๊ตเตอร์และโมเพ็ด ในยุโรปปีที่ผ่าน

โดยในช่วงปี 2011 ที่ผ่านมามีจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์และพาหนะสองล้ออื่นๆจำนวน 1,720,948 คัน ซึ่งเป็นยอดรวมจาก 32 ประเทศในยุโรป (ไม่รวม Lichtenstein และ Iceland) ในขณะที่เมื่อปี 2010 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 1,889,560 คัน จะเห็นยอดจดทะเบียนของปี 2011 น้อยกว่าปี 2010 ซึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในยุโรป แตมีบางประเทศที่มีปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้นเช่น ตุรกี, มอลต้า, ลัตเวียและลิทัวเนีย

ทาง ACEM ประมาณการว่าใน 34 ประเทศในยุโรปมีพาหนะสองล้อใช้งานอยู่บนถนนรวม 37.4 ล้านคัน

ประเทศที่มียอดจดทะเบียนสูงสุด 5 อันดับแรกปี 2011
ประเทศ         2011           2010
France          331.260      376.060
Italy              329.026      408.873
Germany       181.865      187.232
Turkey          179.746      108.385
Spain            141.136      169.446

Resources : ACEM