วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2555

จีเอ็มโชว์ถุงมือหุ่นยนต์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์

จีเอ็มผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ระดับโลกได้แนะนำเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Robo-Glove หรือถุงมือหุ่นยนต์ เพื่อช่วยงานผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์

 ถุงมือหุ่นยนต์ชนิดนี้จะช่วยให้มือผู้สวมใส่มีความแข็งแรงมากขึ้น โดยทางจีเอ็มกล่าวว่าจะช่วยลดกำลังของผู้สวมใส่เมื่อต้องการแรงจับเครื่องมือลงได้ 1 ใน 3 จนถึงครึ่งหนึ่ง ถุงมือจะช่วยให้คนงานถือเครื่องมือได้สบายขึ้น, ระยะเวลานานขึ้นและอาจลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บจากความเครียดลงได้ด้วย
ถุงมือหุ่นยนต์เป็นผลงานที่ได้มาจากการร่วมกันระหว่างจีเอ็มและนาซ่า ในการพัฒนาหุ่นยนต์ Robonaut 2 ซึ่งเป็นหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ตัวแรกที่ได้ออกเดินทางไปในอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติในปีที่ผ่านมา สำหรับถุงมือหุ่นยนต์ต้นแบบรุ่นแรกทางจีเอ็มได้พัฒนาแล้วเสร็จเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ในขณะที่รุ่นที่สองแล้วเสร็จในอีก 3 เดือนต่อมา
โครงการพัฒนาหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ที่ชื่อ Robonaut 2 หรือ R2 เป็นการร่วมมือจากวิศวกร, นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ของจีเอ็มและนาซ่า ซึ่งเริ่มการทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2007 โดยมีหนึ่งในข้อกำหนดของการออกแบบคือ หุ่นยนต์ต้องสามารถใช้งานเครื่องมือที่ออกแบบมาสำหรับมนุษย์ได้ พร้อมกับสามารทำงานในอวกาศและในโรงงานบนโลกได้ ซึ่งทีมงานประสบความสำเร็จอย่างสูงโดยการใช้เซ็นเซอร์และตัวกระตุ้น ทำให้มีความสามารถเทียบเคียงได้กับเส้นเอ็น เส้นประสาท กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในมือมนุษย์
เมื่อมีการพัฒนาเต็มที่ถุงมือหุ่นยนต์จะมีศักยภาพลดปริมาณของแรงที่คนงานจะใช้ในการออกแรงปฏิบัติการเครื่องมือโดยอัตโนมัติ ทำให้สามารถเพิ่มเวลาในการทำงานและลดความเครียดจากการเคลื่อนไหวซ้ำๆ ตัวอย่างเช่น นักบินอวกาศที่ทำงานอยู่ในชุดที่มีแรงดันนอกสถานีอวกาศหรือคนงานในโรงงานประกอบรถ อาจต้องใช้แรง 15-20 ปอนด์ที่จะถือเครื่องมือในระหว่างการดำเนินการ แต่ถุงมือหุ่นยนต์จะช่วยลดแรงซึ่งผู้ใช้อาจใช้แรงเพียง 5-10 ปอนด์เท่านั้นในการทำงาน

ถุงมือหุ่นยนต์ใช้หลักการเดียวกับนิ้วมือในหุ่นยนต์ R2 ซึ่งได้ฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในส่วนบนของถุงมือ เพื่อช่วยการขยับนิ้วมือแบบมนุษย์ ส่วนเซ็นเซอร์ความดันคล้ายกับเซ็นเซอร์ที่ให้ความรู้สึกจากการสัมผัสจะรวมอยู่ที่ปลายนิ้วของถุงมือ เมื่อผู้ใช้กำเครื่องมือ เส้นเอ็นสังเคราะห์จะดึงนิ้วมือลงอัตโนมัติในตำแหน่งจับยึดและถือ

สำหรับต้นแบบรุ่นที่สามที่คาดว่าใกล้จะแล้วเสร็จจะมีขนาดและน้ำหนักลดลง เพื่อให้สามารถใช้งานได้คล่องตัวมากขึ้น
Resoureces : GM

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

Yamaha World Crosser


ยามาฮ่า World Crosser จากต้นแบบสู่ความเป็นจริง ถึงแม้ว่าเมื่อย้อนหลังกลับไปในปี 2010 โรงงานของยามาฮ่าจะปฏิเสธในการนำรุ่นนี้ออกสู่ตลาด แต่ในปีนี้ทุกอย่างกลับมาเป็นความจริงให้ผู้ที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้
พื้นฐานของรุ่นนี้มาจากรุ่น Super Tenere ซึ่งมีชื่อเสียงในการลุยข้ามทวีปและเมื่อนำมาผลิตเป็นโมเดลพิเศษยามาฮ่าได้เพิ่มสมรรถนะให้สูงขึ้นเช่น มีระบบแทร็คชั่นคอนโทรล, ABS, เฟรมพัฒนาให้มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ, เพิ่มอุปกรณ์ป้องกันทำจากคาร์บอนที่มีน้ำหนักเบา รวมทั้งใช้ลายกราฟฟิกใหม่เพื่อสื่อถึงการเปิดโลกใหม่ของการผจญภัยอีกครั้ง

Mugen แนะนำซูเปอร์ไบค์ไฟฟ้า

ในรายการแข่งขัน SES TT Zero Clean Emissions Motorcycle Challenge ที่ Isle of Man ทีม Mugen ได้แนะนำตัวแข่งซูเปอร์ไบค์ไฟฟ้าและนักแข่งคือ John McGuinness ซึ่งทีมงานและนักแข่งได้ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างประวัติศาสตร์ความเร็วของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้ผ่านตัวเลขความเร็ว 160 กม./ชม. ได้เป็นครั้งแรก

โดยฮอนด้าและ Mugen มีสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมานานและเมื่อไม่นานนี้ยังได้มีการวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าต้นแบบรุ่น RC-E concept ซึ่งออกแสดงตัวที่งานโตเกียวมอเตอร์โชว์เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นการสะท้อนให้เห็นแนวคิดและส่วนหนึ่งของแนวทางที่ฮอนด้าจะนำมาใช้ในอนาคต
ส่วนซูเปอร์ไบค์ไฟฟ้าของ Mugen คันนี้มีชื่อว่า Shinden มีกำลัง 90 kW (120.7 แรงม้า) กับแรงบิด 162 ฟุต-ปอนด์และใช้เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา

มากัน (Macan) ชื่อของสปอร์ตอเนกประสงค์ใหม่ล่าสุดจากปอร์เช่

รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) จากปอร์เช่ใหม่ล่าสุดจะออกมาในชื่อ Macan หรือ มา-กัน ซึ่งเป็นภาษาอินโดนีเซียและมีความหมายว่าเสือ มากัน (Macan) เป็นเสมือนตัวแทนของการรวบรวมไว้ซึ่งพละกำลัง ความคล่องตัว เต็มไปด้วยเสน่ห์ และว่องไว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นลักษณะเด่นๆ ของรถยนต์อ้อฟโร้ดใหม่ล่าสุดคันนี้นี่เอง “มากัน (Macan) คือรถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ที่รวบรวมเอาไว้ซึ่งคุณลักษณะเด่นๆ ที่รถสปอร์ตอเนกประสงค์ (SUV) ควรมีและตามแบบฉบับความเป็นเลิศของปอร์เช่อีกด้วย”

Bernhard Maier รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาดของปอร์เช่ เอจี กล่าวไว้ “ชื่อของปอร์เช่ใหม่ล่าสุดคันนี้ต้องผสมผสานกับความเป็นแบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเราให้ได้ลงตัว และต้องมีความหมายที่ดีในหลายๆ ภาษา รวมถึงการเป็นภาษาท้องถิ่นที่มีความหมายและเชื่อมโยงถึงรถของเราในเชิงบวกอีกด้วย" มากัน (Macan) กำลังจะออกมาในฐานะปอร์เช่รุ่นที่ 5 อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นรุ่นหลักที่จะออกมาส่งเสริมกลยุทธ์ Strategy 2018 ที่เป็นกลยุทธ์ในการขยายรุ่นรถของปอร์เช่ให้เพิ่มมากขึ้นนั้นประสบความสำเร็จอีกด้วย ปอร์เช่จะส่ง มากัน (Macan) คันนี้ให้ประสบความสำเร็จอย่างเช่นรุ่นคาเยนน์ (Cayenne) เคยทำเอาไว้เลยทีเดียว

การผลิตรถสปอร์ต อเนกประสงค์คันนี้จะเกิดขึ้นที่โรงงานในไลพ์ซิกตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป โรงงานผลิตนี้ได้ทำการขยายเข้าไปในเขตเมือง Saxony เพื่อทำการผลิตให้ครบวงจรทั้งตัวถังและพ่นสีอีกด้วย เงินลงทุนกว่า 500 ล้านยูโรได้ถูกลงทุนในการสร้างโรงงานผลิตครบวงจรนี้ให้ประสบผลสำเร็จและกลายมาเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของปอร์เช่ด้วยเช่นกัน ที่สำคัญการขยายโรงงานผลิตครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการสร้างงานให้กับคนในพื้นที่ได้มากขึ้นอีกกว่า 1,000 ตำแหน่งงานเลยทีเดียว

ชื่อแต่ละชื่อของปอร์เช่ได้รับการสรรสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีความหมายและมีความเชื่อมโยงกับประสิทธิภาพแลคุณลักษณะของรถ ปอร์เช่รุ่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อรุ่นบ็อกซเตอร์ (Boxster) ที่เป็นชื่อรุ่นที่อธิบายถึงการรวบรวมเครื่องยนต์แบบ Boxer เข้าไว้กับรถแบบโร้ดสเตอร์ (Roaster) ได้อย่างลงตัว รุ่นคาเยนน์ (Cayenne) คือชื่อรุ่นที่บ่งบอกถึงความคมคายแข็งแกร่ง ชื่อรุ่นพานาเมร่า (Panamera) คือชื่อรุ่นที่แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้เป็นมากกว่าแกรนทัวริสโม่ และสามารถคว้ารางวัลในการแข่งขันวิ่งระยะไกล Carrera Panamericana มาครองได้อย่างเหนือชั้นอีกด้วย

2012 Triumph Steve McQueen Edition Bonneville

รุ่น Steve McQueen Edition ซึ่งไทรอัมพ์ได้นำชื่อดาราฮอลลีวู้ดรุ่นใหญ่ Steve McQueen ในการสร้างสรรค์มอเตอร์ไซค์ที่เป็นแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น โดยรุ่นนี้ได้ใช้พื้นฐานมาจากความคลาสสิกของรุ่น Bonneville T100 และไทรอัมพ์มีการผลิตรุ่นพิเศษนี้ออกมาเพียง 1,100 คันสำหรับการจำหน่ายในตลาดทั่วโลก

จุดสำคัญของรุ่นนี้คือการได้แรงบันดาลใจจากรุ่น Triumph Trophy TR6 ที่แม็กควีนใช้อยู่ขี่ในฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง The Great Escape จุดเด่นอยู่ที่การใช้สีเขียวแบบของทหารและมีลายเซ็นอยู่ที่ฝาครอบด้านข้าง รุ่นนี้จะเป็นแบบที่นั่งเดี่ยวและมีแร็ควางของด้านท้ายสีดำและโคมไฟหน้าสีดำ พร้อมด้วยเพลทนัมเบอร์ที่แผงคอแสดงความพิเศษเอาไว้ทุกคัน

สตีฟ แม็กควีน เป็นผู้ที่ชื่นชอบทั้งรถยนต์, เครื่องบินและมอเตอร์ไซค์ และยังเป็นตำนานสำหรับวงการภาพยนตร์ แม็กควีนเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์จำนวนมากและชื่นชอบที่จะใช้เวลาว่างในการขี่มอเตอร์ไซค์ในเนินทรายที่แคลิฟอร์เนียด้วยรุ่น Triumph Bonneville ปี 1963 ที่แม็กควีนได้ปรับแต่งแล้ว รวมทั้งได้เคยเข้าร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติในรายการ International Six Day Trial ปี 1964 โดยใช้มอเตอร์ไซค์ Triumph Trophy ขนาด 650 ซีซี. แม็กควีนเสียชีวิตในปี 1980 ซึ่งในตอนนั้นเขามีมอเตอร์ไซค์ในครอบครองถึง 138 คัน

สำหรับกำหนดการออกจำหน่ายของรุ่นพิเศษนี้จะอยู่ในราวเดือนเมษายนนี้


Resources : Triumph
Video : 

2012 Triumph Speed Triple R


ต่อมาในรุ่น Speed Triple R โดยหลังจากความสำเร็จของโมเดล R ในรุ่น Street Triple และ Daytona 675 ไทรอัมพ์ก็พร้อมจะนำรหัส R มาใช้ในรุ่น Speed Triple ด้วยเช่นกัน

ซึ่งในรุ่น Speed Triple R ได้มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทางผู้ผลิตช่วงล่างระดับแนวหน้าของโลกสัญชาติสวีเดนคือแบรนด์โอห์ลินส์ ทำให้โรดสเตอร์รุ่นนี้ได้ใช้ช้อคอัพหน้าสเปกใหม่ล่าสุด NIX30 ขนาด 43 มม.และช้อคอัพหลัง TTX36 รวมทั้งเพื่อให้ลดน้ำหนักลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จึงใช้วงล้อ 5 ก้านทำจากอะลูมิเนียมฟอร์จจาก PVM ช่วยลดน้ำหนักลงได้กว่า 1.6 กก. ทำให้มีน้ำหนักโดยรวมเบากว่าในรุ่นมาตรฐาน ส่งผลให้การควบคุมรถมีความแม่นยำและคล่องตัว



นอกจากนี้ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพของระบบเบรกด้วยคาลิเปอร์แบบเรเดียลโมโนบล็อก 4 สูบจากเบรมโบ้ ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำที่ตัวแข่งโมโตจีพีให้ความไว้วางใจพร้อมด้วยสวิทช์เปิดปิดการทำงานของระบบแอนตี้ล็อคที่มีมาให้เป็นออพชั่น ในการทำงานร่วมกันของวงล้อใหม่และระบบเบรกจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าโมเดลมาตรฐานอีกราว 5 เปอร์เซ็นต์

2012 Triumph Tiger Explorer



ไทรอัมพ์มอเตอร์ไซค์จากสหราชอาณาจักรได้ฉลองครบรอบปีที่ 110 ในปี 2012 นี้ พร้อมกับเปิดตัวโมเดลใหม่ 3 รุ่นคือ รุ่น Tiger Explorer, Speed Triple R และ Steve McQueen Edition Bonneville

โดยในรุ่น Tiger Explorer ถือว่าเป็นโมเดลหัวหอกสำคัญในกลุ่มของมอเตอร์ไซค์แนวแอดแวนเจอร์ของไทรอัมพ์ ซึ่งเป็นโมเดลที่สานต่อความสำเร็จมาจากรุ่น Tiger 800 โดยในรุ่น Tiger Explorer ออกมาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่แบบ 3 สูบ ขนาด 1,215 ซีซี. และส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเพลา รวมทั้งได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยอื่นๆอีกเช่น คันเร่งแบบ ride-by-wire, ระบบครุสคอนโทรล, สวิทช์ระบบเบรก ABS และระบบแทร็คชั่นคอนโทรล ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน 

เฟรมมาตรฐานสูงด้วยการใช้เหล็กที่แข็งแรงพร้อมด้วยล้ออัลลอยหน้าหลังขนาด 19 และ 17 นิ้วตามลำดับ ส่วนสวิงอาร์มเป็นแบบแขนเดี่ยว สำหรับชุดอุปกรณ์เสริมได้พัฒนาเพื่อใช้กับรุ่นนี้โดยเฉพาะเช่น กระเป๋าเดินทาง, เบาะนั่งในระดับต่ำและสูงและหลากหลายอุปกรณ์ทำความร้อนและอุปกรณ์ไฟฟ้าพร้อมด้วยเจนเนอเรเตอร์ขนาด 950 วัตต์ 

Engine and Transmission
แบบ
ระบายความร้อนด้วยน้ำ, 12 วาล์ว, DOHC, 3 สูบ
ความจุกระบอกสูบ
1,215cc
ความกว้าง/ระยะชัก
85 x 71.4mm
ระบบเชื้อเพลิง
Drive by wire, หัวฉีด
ระบบไอเสีย
Stainสเตนเลส 3 into 1
การขับเคลื่อน
เพลา
คลัทช์
เปียก, หลายแผ่น
เกียร์
6-speed
ความจุน้ำมันเครื่อง
4.0 litres (1.1 US gals)


Chassis, Running Gear and Displays
เฟรม
Tubular steel trellis frame
สวิงอาร์ม
แขนเดี่ยว, อะลูมิเนียมอัลลอยหล่อ

ล้อl
หน้า
อะลูมิเนียมอัลลอยหล่อ10 ก้าน 19 x 2.5in
หลัง
อะลูมิเนียมอัลลอยหล่อ10 ก้าน 17 x 4.0in
ยาง
หน้า
110/80 R 19
หลัง
150/70 R 17

Dimensions and Capacities
ความยาว
2248mm/88.4in
ความกว้าง (รวมแฮนด์)
962mm
ความสูงไม่รวมกระจก
1410mm/55.5in
ความสูงถึงเบาะนั่ง
837mm/32.9in - 857mm/33.7in
ระยะห่างดุมล้อ
1530mm/60.2in
Rake/Trail
23.9 degree/105.5mm
ความถังน้ำมัน
20 litres/5.3 US gals
น้ำหนัก (พร้อมขี่)
259kg/570lbs
Performance (measured at crankshaft to 95/1/EC)
กำลังสูงสุด
137PS/135bhp/101kW @ 9000rpm
แรงบิดสูงสุด
121Nm/89 ft.lbs @ 6400rpm

ปอร์เช่ แกรนทัวริสโม่ คว้ารางวัล Internet Auto Award อีกครั้ง

ชัยชนะถึง 2 ครั้งซ้อนสำหรับปอร์เช่ พานาเมร่าที่ได้รับการโหวตให้เป็นรถยอดนิยมที่สุดในยุโรป
ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) แกรนด์ทัวริสโม่คว้ารางวัล Internet Auto Award ในคลาสรถหรูจาก เสียงโหวตของผู้ใช้เว็บไซต์ AutoScout24 เป็นครั้งที่ 2 หลังจากได้รับรางวัลนี้มาแล้วในปี 2010

Dr. Gernot Döllner ผู้อำนวยการฝ่ายสายผลิตภัณฑ์รถพานาเมร่า (Panamera) ขึ้นรับรางวัลในฐานะตัวแทนจากปอร์เช่ ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวามอเตอร์โชว์และได้ขึ้นกล่าวไว้ว่า “พานาเมร่า (Panamera) คือรถที่ผสมผสานความเป็นสปอร์ตกับการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว” Dr. Döllner ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “พานาเมร่า (Panamera) ที่มีถึง 9 รุ่นด้วยกันนี้ทำให้เราสามารถนำเสนอทางเลือกที่แตกต่างและหลากหลายเกินกว่าค่ายอื่นๆ ในประเภทรถยนต์คลาสเดียวกันจะนำเสนอได้”

พานาเมร่า (Panamera) มีหลายรุ่นให้เลือกสรร ตั้งแต่รุ่นที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพในเรื่องของอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำอย่างรุ่นดีเซล (Diesel) และรุ่นไฮบริดเต็มรูปแบบ (Full-Hybrid) ที่สามารถวิ่งได้จากพละกำลังของไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงเท่านี้พานาเมร่า (Panamera) ยังมีรุ่นสปอร์ตเพิ่มเติมอย่างรุ่น เอส (S) รุ่นจีทีเอส (GTS) รุ่นเทอร์โบ (Turbo) หรือรุ่นเทอร์โบ เอส (Turbo S) โดยรุ่นต่างๆ เหล่านี้มีขุมพละกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 แรงม้าจนถึง 550 แรงม้าเลยทีเดียว ระบบขับเคลื่อนของ พานาเมร่า (Panamera) คือระบบขับเคลื่อนล้อหลัง มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดาหรือสามารถเลือกติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ Porsche-Doppelkupplungsgetriebe (PDK) 8 จังหวะได้ด้วยเช่นกัน

รางวัลจากเว็บไซด์นี้ถือได้ว่าเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดสำหรับโลกอินเตอร์เน็ตในยุโรปและการแข่งขันครั้งนี้มีรถยนต์ให้ร่วมโหวตรวมกันถึง 351 รุ่นและแยกประเภทรถออกเป็น 10 คลาสด้วยกัน อีกทั้งยังมีผู้เข้าร่วมโหวตออนไลน์กว่า 162,000 ท่าน จาก 8 ประเทศในยุโรปเลยทีเดียว