วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

2013 Moto Guzzi V7 Racer


โมโตกุซซี่ได้เผยแพร่ภาพและรายละเอียดในโมเดลใหม่ของรุ่น V7 ซึ่งจะมีออกมา 3 แบบคือ Racer, Special และ Stone ซึ่งในโมเดลใหม่ทั้งสามแบบได้ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ยังคงใช้เครื่องยนต์แบบ V-Twin 90 องศา วางขวาง ขนาด 744 ซีซี. 50 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเพลาและใช้เฟรมแบบทรงเปลคู่

การเปลี่ยนของโมเดล V7 ปี 2013 จะมีตั้งแต่การปรับปรุงเครื่องยนต์พร้อมออกซิเจนเซ็นเซอร์สองชุด (เพื่อให้ประหยัดน้ำมันและมีค่าไอเสียต่ำ) ออกแบบฝาสูบใหม่ ท่อร่วมไอดีใหญ่ขึ้น เพิ่มอัตราส่วนกำลังอัดจาก 9.2 เป็น 10.2 ออกแบบครีบระบายความร้อนกระบอกสูบใหม่เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้นและปรับชุดเกียร์ 5 สปีดใหม่ด้วย ในด้านของอัตราสิ้นเปลืองจะอยู่ที่ 23 กม./ลิตร ซึ่งถังน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดความจุ 22 ลิตรจะใช้งานเดินทางได้เป็นระยะทางกว่า 500 กม.

วงล้อแบบใหม่น้ำหนักเบากว่าเดิม ซึ่งในโมเดล Special ใช้ขอบล้อและซี่ล้ออะลูมิเนียม ส่วนในโมเดล Racer ใช้วงล้อสีดำและดุมล้อสีแดง ช้อคอับหน้าขนาด 40 มม.และเบรกแบบดิสก์ขนาด 320 มม.ที่ล้อหน้าและดิสก์ล้อหลังขนาด 260 มม.

การตกแต่งตัวรถในโมเดล V7 Stone เป็นแบบเรียบๆ แต่ในโมเดล V7 Special ใช้สีทูโทนและโมเดล V7 Racer จะมีแถบสายหนังคาดบนถังน้ำมัน ส่วนเฟรม, สวิงอาร์มและดุมล้อใช้สีแดง และเบาะนั่งเป็นแบบที่นั่งเดี่ยว แต่มีออพชั่นสำหรับเบาะแบบสองที่นั่งด้วย

Resources : Moto Guzzi

Ducati เปิดตัวแข่ง Ducati Desmosedici GP12

ดูคาตี้เปิดเผยตัวแข่งใหม่สำหรับลงแข่งในรายการโมโตจีพีในปีนี้ ซึ่งได้มีการวิจารณ์กันว่าจะเป็นตัวแข่งที่เร็วที่สุด มีกำลังมากที่สุดและมีเทคโนโลยีสูงมากที่สุดเท่าที่ดูคาตี้เคยทำมา โดยตัวแข่งใหม่ในชื่อ Desmosedici GP12 จะขับขี่โดยนักแข่งสองคนคือ Valentino Rossi และ Nicky Hayden
ในรายการโมโตจีพีปีนี้ในการเปลี่ยนข้อบังคับใหม่ของเทคโนโลยี ทำให้ดูคาตี้ต้องปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ใน GP12 ซึ่งเครื่องยนต์เป็นแบบ V4 DOHC 90 องศา Desmodromic ขนาด 1,000 ซีซี. มีกำลัง 230 แรงม้า กับน้ำหนักตัว 157 กก. ทำให้ GP12 สามารถทำท็อปสปีดได้สูงถึงกว่า 330 กม./ชม.

เทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้ใน GP12 ประกอบด้วยการส่งกำลัง Ducati Seamless Transmission (DST), แชสซีส์แบบอะลูมิเนียมทวินสปาร์, ระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมหัวฉีดออกแบบโดย Magneti Marelli ทำงานร่วมกับลิ้นปีกผีเสื้อ 4 ตัวและคันเร่งพร้อมการควบคุมผ่านระบบ EVO TCF (Throttle Control and Feedback)

ช้อคอับหน้าแบบหัวกลับขนาด 48 มม. และด้านหลังใช้ช้อคอับเดี่ยว ทั้งคู่เป็นช้อคอับของ Ohlins ใช้ล้อขนาด 16.5 นิ้วกับยางบริดจสโตนและระบบเบรกคุณภาพสูงจากเบรมโบ้



Resources : Ducati

Ducati ประกาศขายตัวแข่ง MotoGP

ดูคาตี้ได้ประกาศที่จะขายตัวแข่งโมโตจีพี 2 รุ่นคือ Desmosedici MotoGP GP11 ‘VR2’ ที่ขี่โดย Valentino Rossi ในปี 2011 และ GP10 ‘CS1’ ของ Casey Stoner ที่ใช้แข่งในปี 2010 ซึ่งการประมูลรถแข่งทั้งสองคันนี้จะมีขึ้นในงาน RM Auctions' 2012 Monaco ที่ Grimaldi Forum ในวันที่ 11-12 พฤษภาคมนี้ โดยรถแข่งทั้งสองคันจะถูกส่งตรงมาจากแผนกเรซซิ่ง Ducati Corse ภายในโรงงานดูคาตี้ที่เมืองโบโลญ่า ประเทศอิตาลี
เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญการประมูลของ RM ได้กล่าวว่า ดูคาตี้ได้แสดงให้เห็นถึงจุดสุดยอดของวงการสองล้อที่มีชื่อเสียง ทั้งในด้านสมรรถนะและการออกแบบและทำให้งานประมูลในครั้งนี้มีความพิเศษที่จะนำเสนอรายการสิ่งของประมูลซึ่งตามปกติผู้คนทั่วไปไม่มีโอกาสได้ครอบครอง
รถแข่งของดูคาตี้ได้ถูกสร้างขึ้นที่โรงงานของดูคาตี้ใน Borgo Panigale, Bologna ในเดือนธันวาคมปี 2009 โดยในคัน Ducati Desmosedici GP10 ‘CS1’ ของ Casey Stoner ถูกนำออกทดสอบครั้งแรกในวันที่ 14 ธันวาคมปี 2009 ก่อนจะถูกนำมาทดสอบในสนามแข่งโดยมือทดสอบชาวออสเตรเลียที่สนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2010 ต่อจากนั้นสโตนเนอร์ได้ทดสอบแบบเต็มเวลาที่การ์ต้าในเดือนเมษายนปีเดียวกันและในเดือนตุลาคมได้นำชัยชนะมาให้ในรายการ Australian GP ที่สนาม Phillip Island และการแข่งครั้งสุดท้ายอยู่ที่สนาม Valencia ในเดือนพฤศจิกายนปี 2010 มีระยะทางการใช้งานทั้งสิ้น 4,232 กม.

ส่วนในคัน Ducati Desmosedici GP11 ‘VR2’ ของ Valentino Rossi สร้างขึ้นที่โรงงานดูคาตี้ในเดือนธันวาคมปี 2010 นำออกสู่สนามทดสอบครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2011 ลงสนามแข่งครั้งแรกในรายการ Qatar Grand Prix และทำสถิติที่สนามเลอมังส์ ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนพฤษภาคม สนามสุดท้ายที่ลงแข่งคือรายการ Dutch TT เมือง Assen มีระยะทางการใช้งาน 2,342 กม.

ผู้ที่ประมูลได้ไม่เพียงเป็นผู้โชคดีเท่านั้น แต่จะต้องทำสัญญาในการรักษาความลับของรถแข่งด้วย ซึ่งเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักสะสมอย่างแท้จริง

Resources : Ducati

ยามาฮ่าเปิดตัว 2012 Yamaha YZR-M1

ยามาฮ่าเปิดตัวตัวแข่งโมโตจีพีประจำปีนี้ ซึ่งได้พัฒนาให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีนี้และ M1 ตัวใหม่ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1,000 ซีซี.แทนขนาด 800 ซีซี.ที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้ เครื่องยนต์ใหม่ใช้เพลาข้อเหวี่ยงแบบ crossplane สามารถให้กำลังได้มากกว่า 240 แรงม้า
YZR-M1 โมเดลปี 2012 ได้ปรับปรุงเฟรมเดลต้าบ็อกซ์ใหม่พร้อมการปรับตำแหน่งท่านั่งและแฮนด์ใหม่, สวิงอาร์มอะลูมิเนียมปรับใหม่, การส่งกำลังใช้เกียร์ 6 สปีด, ใช้ล้อแมกนีเซียม forged ขนาด 16.5 นิ้ว, ยางบริจดสโตน, ช้อคอับของ Ohlins และเบรกจากเบรมโบ้ โดยเบรกหน้าใช้จานดิสก์คาร์บอนคู่ขนาด 320 มม. กับคาลิเปอร์ 4 ลูกสูบสองชุดและเบรกหลังใช้คาลิเปอร์สองลูกสูบและตัวรถมีน้ำหนักรวม 157 กก.

ในส่วนของสปอนเซอร์ใหม่ที่สำคัญที่เข้ามาร่วมกับทีมยามาฮ่าในปีนี้คือ JX Nippon Oil & Energy Corporation ซึ่งเป็นบริษัทญี่ปุ่นที่มีความแข็งแกร่งในด้านน้ำมันและพลังงานและมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับยามาฮ่า โดยเราจะเห็นแบรนด์ ENEOS ติดอยู่บนตัวรถ ซึ่งเป็นแบรนด์หลักในธุรกิจปิโตรเลียมและน้ำมันหล่อลื่น

นอกจากนี้ยังมีบริษัทจากอิตาลีคือ PIZZOLI ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทใหญ่ทางด้านอาหารในอิตาลีมาเป็นสปอนเซอร์ในปีนี้ด้วย

Resources : Yamaha

2012 KTM 990 Supermoto R-ABS



ผู้ผลิตจากออสเตรียเพิ่มความปลอดภัยให้กับรุ่น 990 Supermoto R ด้วยระบบเบรก 9M+-ABS จาก Bosch และก็กลายเป็นข่าวใหญ่ที่เคทีเอ็มนำเอาระบบเบรก ABS เข้ามาใช้ในซูเปอร์โมโตรุ่นใหญ่ ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ในการเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น

ซูเปอร์โมโตรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์แบบ V-Twin หัวฉีด ระบายความร้อนด้วยน้ำ มีความจุกระบอกสูบ 999 ซีซี. ให้กำลังได้ 114 แรงม้า สำหรับผู้ใช้ที่มีประสบการณ์จะถูกใจอย่างมาก เช่นเดียวกับเฟรมและช่วงล่างที่มีคุณภาพสูง ซึ่งสเปซเฟรมทำจากโลหะโครเมี่ยม-โมลิบดินั่มและซับเฟรมทำจากอัลลอย  ช้อคอับหน้าจาก WP 4860 ROMA USD และด้านหลังช้อคอับเดี่ยว WP 4618 BAVP DCC ทางด้านเบรกหน้ามากับดิสก์จานคู่และคาลิเปอร์ radial-mount 4 ลูกสูบ พร้อมด้วยระบบเบรก ABS ที่พัฒนาโดย Bosch


Resources : KTM

2012 KTM 690 SMC R



ซูเปอร์โมโตรุ่นใหญ่ในโมเดลปี 2012 ถูกปรับใหม่อีกครั้ง โดยเน้นไปที่การลดน้ำหนักเพื่อเป้าหมายที่จะไปได้เร็วขึ้น พร้อมด้วยพละกำลังทั้งหมดที่จะให้ความสนุกสนานประทับใจบนท้องถนน

เครื่องยนต์ยึดอยู่กับเฟรมโครเมี่ยม โมลิบดินั่ม เป็นเครื่องยนต์แบบสูบเดียว ขนาด 690 ซีซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ให้กำลังได้ 66 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ 6 สปีดผ่านคลัทช์แบบ APTC ซึ่งทำให้ง่ายในการควบคุม

จากการลดน้ำหนักตัวให้เบาลง ทางเคทีเอ็มจึงได้ปรับช้อคอับหน้าใหม่ให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ โดยช้อคอับหน้าเป็นแบบหัวกลับจาก  WP 4860 ROMA มีระยะยุบตัว 250 มม.และช้อคอับหลังแบบเดี่ยวจาก WP 4618 พร้อมด้วย Pro-Lever linkage สำหรับเบรกหน้าใช้ดิสก์แบบลอยตัวขนาด 320 มม. พร้อมคาลิเปอร์ 4 ลูกสูบแบบ radial-mount ส่วนดิสก์หลังใช้ขนาด 240 มม. ในส่วนของล้อออกแบบเป็นพิเศษและเป็นผลงานลิขสิทธิ์ โดยเป็นวงล้อแบบซี่ลวดแต่ไม่ต้องใช้ยางใน ซึ่งจะช่วยในการลดน้ำหนักและยังทำให้ช่วงล่างทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


Resources : KTM

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

Safety Pilot เพิ่มความปลอดภัยด้วยการสื่อสารระหว่างรถถึงรถ

Safety Pilot เป็นโครงการนำร่องด้านความปลอดภัยของการจราจรและการขนส่งบนท้องถนน โดยใช้การสื่อสารที่เรียกว่า V2X

โดยบริษัท Parsons Brinckerhoff ได้รับเลือกให้ออกแบบและกำกับดูแลการใช้งานของโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีจากกรมขนส่งสหรัฐอเมริกาหรือ US Department of Transportation (US DOT) ในโครงการนำร่องจะเป็นการศึกษาศักยภาพของยานพาหนะในการเชื่อมต่อข้อมูลของรถบนท้องถนนและทางหลวงในเมือง Ann Arbor รัฐมิชิแกน ซึ่งจะใช้รูปแบบการผสมผสานของยานพาหนะหลายๆแบบทั้งรถยนต์, รถบรรทุกและรถขนส่ง
ในการทดสอบเทคโนโลยีที่ทันสมัยจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ไร้สายในรถถึง 3,000 คัน เพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างยานพาหนะคือ vehicle-to-vehicle หรือ V2V และระหว่างยานพาหนะและอุปกณ์ริมถนนโดยรอบคือ vehicle-to-infrastructure หรือ V2I ซึ่งจะเรียกรวมระบบนี้ว่า V2X

A123 Systems แนะนำแบตเตอรี่รุ่นใหม่สำหรับใช้งานทางทหาร

ทางกองทัพสหรัฐฯมีความสนใจที่จะเปลี่ยนชนิดของแบตเตอรี่ที่ใช้ในยานพาหนะของกองทัพจากแบบตะกั่ว-กรดมาเป็นแบบที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน

โดยทางบริษัท A123 Systems  ได้แนะนำแบตเตอรี่รุ่นใหม่ Military 6T ที่มีความทนทานสูงและแบตเตอรี่รุ่นใหม่มีโครงสร้างทางวิศวกรรมที่สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานของยานพาหนะทางทหารได้เป็นอย่างดี โดยมีขนาดมาตรฐาน 10.5x10x8.5 นิ้วและสามารถใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆได้อย่างกว้างขวาง

ในการพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ทาง A123 Systems ใช้เวลาประมาณหนึ่งปีครึ่ง โดยได้รับข้อมูลจากหน่วยงานวิจัยรถถังของกองทัพบกสหรัฐฯและศูนย์วิจัยและพัฒนาทางวิศวกรรมหรือ TARDEC ซึ่งแบตเตอรี่ 6T รุ่นใหม่จะถูกนำเข้ามาใช้ทดแทนแบตเตอรี่ 6T แบบแบบตะกั่ว-กรดที่มีการใช้งานอยู่ในขณะนี้
ในเอกสารของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์สหรัฐฯได้ระบุว่า แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนที่จะนำมาใช้ในยานพาหนะของกองทัพสหรัฐฯจะมีข้อได้เปรียบแบตเตอรี่แบบตะกั่ว-กรดในแบบเดิม เช่น มีน้ำหนักเบากว่าเดิมและการที่ไม่มีกรดอยู่ในแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนซึ่งจะทำให้เกิดการกัดกร่อน จะช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับยานพาหนะจากสารเคมีและก๊าซพิษ แต่สิ่งที่อาจจะสร้างปัญหาคือ การควบคุมการชาร์จ ซึ่งระดับการชาร์จไฟที่มากหรือน้อยเกินไปอาจลดทอนอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลงไปด้วย แต่ผู้ผลิตเชื่อว่าจะผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้ด้วยเทคโนโลยี Nanophosphate lithium iron phosphate ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะและแบตเตอรี่ 12V Engine Start Battery ซึ่งใช้เทคโนโลยีเดียวกัน ปัจจุบันมีใช้อยู่ในรถยนต์ระดับแนวหน้าที่ผลิตออกจำหน่ายหลายๆค่าย ซึ่งเป็นเหมือนการรับประกันในด้านประสิทธิภาพได้เป็นอย่างดี

แบตเตอรี่ 6T รุ่นใหม่ของ A123 Systems ยังได้ถูกนำไปทดสอบในรถอเนกประสงค์ของทางทหารหรือ High-Mobility Multipurpose Wheeled Vehicle (HMMWV) เพื่อประเมินประสิทธิภาพก่อนจะเริ่มการผลิตเป็นจำนวนมากในอนาคต

Resources : Ding, Y., Zanardelli, S., Skalny, D., and Toomey, L. (2011) Technical Challenges for Vehicle 14V/28V Lithium Ion Battery Replacement. (SAE Technical Paper 2011-01-1375) doi: 10.4271/2011-01-1375