ในรายงานยังคาดว่าประเทศจีนประเทศเดียวจะมีจักรยานไฟฟ้าใช้งานอยู่ถึง 42.4 ล้านคันหรือร้อยละ 89 ของตลาดทั่วโลกโดยรวม ในยุโรปตะวันตกจะมีจำนวนรองลงมาด้วยยอดขายในปี 2018 จำนวน 1.5 ล้านคันคิดเป็นร้อยละ 11.8 สำหรับในตลาดอเมริกาเหนือในปี 2012 มียอดจำหน่าย 105,682 คันและจะเพิ่มขึ้นเป็น 342,526 คันในปี 2018 ซึ่งคาดว่าจะเป็นจำนวนที่ใกล้จุดสูงสุดของตลาดแถบนี้
ปริมาณการขายของจักรยานไฟฟ้าจะถูกขับเคลื่อนโดยแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค เช่น การเจริญเติบโตของเมืองและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของการขนส่งต้นทุนต่ำ นอกจากนี้ตลาดของจักรยานไฟฟ้ายังกว้างมาก ซึ่งผู้ผลิตได้นำเสนอในหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น มีที่ถีบแบบจักรยานและมีมอเตอร์ไฟฟ้าคอยช่วย, แบบที่เป็นสไตล์คล้ายสกู๊ตเตอร์และอื่นๆ
สำหรับจักรยานในแบบ scooter-style electric bicycles (SSEBs) ได้รับความนิยมมากที่สุดในแถบเอเชียแปซิฟิกและจักรยานไฟฟ้าส่วนใหญ่จะถูกกำหนดความเร็วสูงสุดเอาไว้ โดยในอเมริกาเหนือกำหนดเอาไว้ที่ 32 กม./ชม.ส่วนในภูมิภาคอื่นๆจะอยู่ที่ 25 กม./ชม.
จักรยานไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลกจะใช้แบตเตอรี่แบบกรดตะกั่วหรือ sealed lead acid (SLA) ซึ่งแบตเตอรี่แบบนี้ในจีนมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 167 ดอลลาร์หรือราว 5,140 บาท (เปรียบเทียบในอเมริกาเหนืออยู่ที่ 25,000 บาทและในยุโรปอยู่ที่ 47,600 บาท) แต่อย่างไรก็ตามเรื่องของพิษตะกั่วได้กลายเป็นความกังวลของประชาชน ซึ่งพิษของตะกั่วจะส่งผลถึงสุขภาพอย่างรุนแรง ทางการจีนจึงมีการปราบปรามโรงงานผลิตแบตเตอรี่แบบนี้และมีการปิดโรงงานไปแล้วถึงร้อยละ 90 และประเทศจีนมีปริมาณการใช้ตะกั่วของโลกในสัดส่วนถึงร้อยละ 41
ในอนาคตคาดว่าแบตเตอรี่ชนิดลิเธี่ยมไอออน (Li-ion) จะเติบโตจากร้อยละ 6 ในปี 2012 เป็นร้อยละ 12 ในปี 2018 ซึ่งในอนาคตค่าใช้จ่ายในการผลิตแบตเตอรี่ชนิดลิเธี่ยมไอออนจะต่ำลง ช่วยให้ผู้ผลิตหันมาผลิตแบตเตอรี่ชนิดนี้มากขึ้น
Resources :Pike Research
Resources :Pike Research
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น