วอลโว่ได้วางแนวทางการพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งจะมีขนาดเล็กลง แต่ยังคงมีสมรรถนะสูง โดยมีแผนในการหยุดผลิตเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ภายใน 10 ปีนี้ เพื่อตอบสนองในด้านสิ่งแวดล้อมและจากข้อกำหนดในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เข้มงวดขึ้นทั้งในยุโรป, สหรัฐอเมริกาและจีน
วอลโว่มีแผนหยุดผลิตเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ภายใน 10 ปีข้างหน้านี้ โดยได้ริเริ่มแนวคิดเทคโนโลยีระดับโลกในการลดขนาดเครื่องยนต์ แต่ไม่สูญเสียสมรรถนะ โดยก่อนสิ้นทศวรรษนี้รถวอลโว่ทุกรุ่นจะใช้เครื่องยนต์ไม่เกิน 4 สูบ ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ ซึ่งแผนการดำเนินงานจะเริ่มในปี 2013 โดยเครื่องยนต์ใหม่ 3 สูบและ 4 สูบ ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลจะถูกนำเข้ามาใช้แทนเครื่องยนต์ 5 และ 6 สูบ
การมาถึงของเครื่องยนต์ 4 สูบที่ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ ซึ่งเรียกว่า VEA หรือสถาปัตยกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมของวอลโว่ จะเป็นเครื่องยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและจะปรากฏอยู่ในรถรุ่นต่างๆของวอลโว่ โดยได้ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องยนต์ 6 สูบที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่าเครื่องยนต์ 4 สูบในทุกวันนี้ โดยเครื่องยนต์ใหม่จะลดการใช้ชิ้นส่วนที่ไม่ซ้ำกันได้ร้อยละ 60 มีน้ำหนักเบาลงอีก 90 กิโลกรัมและประหยัดเชื้อเพลิงได้อีกร้อยละ 35 ในช่วงแรกเครื่องยนต์ใหม่ 4 เครื่อง จะเริ่มจากเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 3 สูบ ทั้งเบนซินและดีเซล และเครื่องยนต์ขนาด 2 ลิตร 4 สูบ ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลและมีแผนในการผลิตเพิ่มขึ้นต่อปีเป็น 2 เท่าด้วยจำนวน 8 แสนเครื่องในปี 2020
ผู้บริหารของวอลโว่ได้กล่าวว่า เราจะพัฒนาเครื่องยนต์สี่สูบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องยนต์หกสูบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่าเครื่องยนต์สี่สูบในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังได้นำเอาสถาปัตยกรรมแพลทฟอร์มใหม่เข้ามาใช้ ทำให้สามารถที่จะผลิตรถในหลายๆโมเดลได้ในสายการผลิตเดียวกัน ซึ่งจากการใช้สถาปัตยกรรมใหม่ทั้งสองแบบจะทำให้วอลโว่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ทั้งสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีและการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
สถาปัตยกรรมใหม่ที่วอลโว่จะนำมาใช้ยังมีข้อดีในด้านการออกแบบรถ ซึ่งช่วยให้รถมีน้ำหนักเบาขึ้นอีก 100-150 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรถในรุ่นปัจจุบันที่มีขนาดเดียวกัน
Resources : Volvo
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น