ในงานปักกิ่งมอเตอร์โชว์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ค่าย BYD ได้นำเทคโนโลยีใหม่มาแสดงในงานนี้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ให้ความสะดวกสบายและประหยัดเชื้อเพลิง
โดยเทคโนโลยีแรกคือระบบ Dual Mode II ได้นำมาใช้ในรุ่น F3DM ซึ่งเป็นรถปลั๊กอินไฮบริด รุ่นนี้จะออกมาแทนรุ่น Qin (ออกเสียง ‘Chin) ซึ่งออกมาในตั้งแต่ปี 2009 โดยมีหน้าตาคล้ายกับโตโยต้า Corolla
และในปีนั้นได้นำไปแสดงตัวในงาน North American International Auto Show ที่เมืองดีทรอยท์ สหรัฐอเมริกา ทาง BYD ได้เคลมสมรรถนะอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 10.5 วินาทีและเมื่อใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวจะใช้งานได้ในระยะทาง 100 กม. ในปีต่อมาทาง BYD และเมืองลอสแองเจลลิส บรรลุข้อตกลงและร่วมทดสอบรถรุ่นนี้ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจและล่าสุดทาง BYD ได้เปิดสำนักใหญ่ในอเมริกาเหนือที่เมืองลอสแองเจลลิส
สำหรับระบบ Dual Mode II นี้จะให้ทั้งประสิทธิภาพที่สูง, พละกำลังและประหยัดเชื้อเพลิง ทาง BYD อ้างว่าเมื่อนำระบบนี้มาใช้จะมีค่าใช้จ่ายของพลังงานเทียบเท่ากับน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 2 ลิตร/100 กม.
ต่อมาคือรุ่น F3 Plus โดยใช้พื้นฐานจากรุ่น F3 ซึ่งเป็นซีดานที่ขายดีอีกรุ่นหนึ่งในประเทศจีนตั้งแต่นำออกสู่ตลาดในปี 2005 และในเจนเนอเรชั่นที่สองของ F3 ในตลาดต่างประเทศใช้ชื่อว่า F3 Plus ซึ่งมีการปรับใหม่ทั้งภายนอกและภายใน แต่สิ่งที่เป็นไฮไลต์ของรุ่นนี้คือเทคโนโลยี Remote Control Driving โดยเป็นการนำมาใช้เป็นครั้งแรกกับรถที่ผลิตออกจำหน่าย โดยคนขับสามารถควบคุมรถให้สตาร์ท, เดินหน้าหรือถอยหลังและเลี้ยวซ้ายหรือขวาได้โดยการใช้รีโมทคอนโทรล ทั้งหมดจะทำงานด้วยตัวรถเองโดยไม่ต้องมีคนขับหรือแม้กระทั่งต้องนั่งอยู่ในตัวรถ เป็นโซลูชั่นที่สมบูรณ์แบบ ให้ความสะดวกสบายอย่างเช่น ในกรณีมีพื้นที่จอดรถไม่กว้างพอที่จะให้คนขับออกจากรถได้เมื่อนำรถเข้าไปจอดหรือในสภาพอากาศลมแรงและฝนตก คนขับสามารถควบคุมรถให้เคลื่อนที่ยังเป้าหมายที่ต้องการได้
และสุดท้ายคือเทคโนโลยี Bi-directional Inverter Charging and Discharging Technology เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนจากรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นสถานีเก็บพลังงานไฟฟ้าได้
Resources : BYD
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น