วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Porsche new Boxster เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ


บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงานเปิดตัวบ็อกซเตอร์ เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด (The new Boxster) โดยรุ่นนี้ได้ถูกกล่าวขานว่าเป็นปอร์เช่ รุ่นใหม่ที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาและก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ อีกทั้งยังเป็นรถไฮไลท์ของปอร์เช่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยจุดเด่นที่เบากว่า แข็งแกร่งกว่า โดดเด่นกว่า และประหยัดน้ำมันมากกว่า

ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของปอร์เช่ที่มีการเปลี่ยนโฉมปอร์เช่ บ็อกซเตอร์ ใหม่หมดเพื่อเข้าสู่เจนเนอเรชั่นใหม่ รถยนต์เปิดประทุน 2 ที่นั่งคันนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนตัวถังใหม่ให้เบาขึ้น เพื่อความสมบูรณ์แบบ ด้วยน้ำหนักที่เบาลง ฐานล้อที่ยาวขึ้น ตัวรถที่กว้างขึ้นและมีล้อที่ใหญ่ขึ้น อีกทั้งยังติดตั้งระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า (electro-mechanical power steering) เสริมเพิ่มเติมนี้เองส่งผลให้รถยนต์สปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางคันนี้มีความคล่องตัวในการขับขี่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทิ้งคู่แข่งในระดับเดียวกันได้อย่างเหนือชั้น ไม่เพียงเท่านี้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำลงถึง 15 เปอร์เซ็นต์หรือมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่า 8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรอีกด้วย

รูปลักษณ์ของบ็อกซเตอร์ใหม่แตกต่างจากเดิมไม่ว่าจะเป็นระยะโอเวอร์แฮงก์หน้าที่สั้นลง ตัวรถที่ราบแบนยิ่งขึ้น กระจกหน้ามีมุมตั้งไปทางด้านหน้ามากยิ่งขึ้น เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้รถมีความสง่างามและสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่หมดด้วยเช่นกัน รวมไปถึงหลังคาที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมดและมีน้ำหนักเบา แนวคิดภายในห้องโดยสารที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่นี้ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารมีพื้นที่มากขึ้น อีกทั้งยังเสริมคอนโซลกลางรูปแบบใหม่ของปอร์เช่ที่ได้แนวคิดมาจากรุ่นคาร์เรร่า จีที เข้าไปเพื่อพัฒนาให้ภายในห้องโดยสารของรถนั้นถูกต้องตามหลักกลศาสตร์มากยิ่งขึ้น

ทั้งบ็อกซเตอร์และบ็อกซเตอร์ เอส ต่างสะท้อนให้เห็นถึงความคลาสสิกของปอร์เช่ได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบนอน พร้อมด้วยระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรง (Direct Petrol injection) ระบบการดึงพลังงานกลับคืนหรือนำพลังงานในการเบรกกลับมาใช้ใหม่ (electrical system recuperation) ระบบการจัดการความร้อน (Thermal management system) และระบบสตาร์ท/หยุดอัตโนมัติ (Auto start stop function)  ในรุ่นธรรมดาจะมีกำลังสูงสุดถึง 265 แรงม้า (195 กิโลวัตต์) ซึ่งมาจากเครื่องยนต์ 2.7 ลิตร และถือได้ว่ามากกว่ารุ่นเดิมถึง 10 แรงม้า สำหรับรุ่น บ็อกซเตอร์ เอส ในตอนนี้มีขนาดเครื่องยนต์ 3.4 ลิตรและมีกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 315 แรงม้า (232 กิโลวัตต์) มากกว่ารุ่นเดิมถึง 5 แรงม้า ทั้งสองรุ่นติดตั้งระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะมาเป็นมาตรฐานและสามารถเลือกติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะหรือ Porsche Dop-pelkupplungsgetriebe (PDK) เป็นอุปกรณ์เสริมได้เช่นกัน ทั้ง 2 รุ่นมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยมและมีอัตราเร่งที่เหนือชั้นอีกด้วย หากติดตั้งระบบเกียร์ PDK มาด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจะอยู่แค่เพียง 7.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรสำหรับรุ่นธรรมดา และ 8.0 ลิตรต่อ100 กม. สำหรับรุ่น บ็อกซเตอร์ เอส การเปลี่ยนเกียร์จะเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วและการส่งผ่านกำลังนั้นจะไม่เกิดการสะดุดของการส่งถ่ายพละกำลัง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ทำได้ในระยะเวลาแค่เพียง 5.7 วินาทีเท่านั้นสำหรับ รุ่นบ็อกซเตอร์และ 5.0 วินาทีสำหรับรุ่นบ็อกซเตอร์ เอส

สำหรับแพ็คเกจ Sport Chrono Package สามารถเลือกติดตั้งเป็นอุปกรณ์เสริมได้ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น และสามารถเลือกติดตั้งระบบควบคุมการกระจายแรงบิดไปยังแต่ละล้อเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการเกาะถนน (Porsche Torque Vectoring (PTV)) ได้อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น